วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หนีน้ำ กินข้าวแห้ง

หนีน้ำกินข้าวแห้ง
บทความลงในเส้นทางเศรษฐี ปักษ์แรก ธันวาคม 2554

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ผมอินเทรนด์หนีน้ำกับเขาเหมือนกัน เพราะบ้านอยู่แถวรัชดาลาดพร้าว กลัวรถจมน้ำ เลยหนีไปอยู่บ้านญาติที่ราชบุรีกว่าสองอาทิตย์ ทำให้มีเวลาซอกซอนราชบุรีได้เกือบทุกซอกทุกมุม จนไม่เหลืออะไรจะเที่ยวแล้ว

ตลาดโค้ยกี่

ใครไปราชบุรีต้องไปเดินเล่นตลาดโค้ยกี่ หรือตลาดริมน้ำกลางเมือง เป็นจุดหลักของที่นี่ เสาร์อาทิตย์มีตลาดนัด ของกิน เสื้อผ้า โอ่งที่ระลึก ให้พอเดินเล่นได้สนุกๆ ช่วงเทศกาลยิ่งมีของขายเยอะใหญ่ ร้านกาแฟขึ้นชื่อคือ อาตี๋โกปี๊ อยู่ริมน้ำ จัดร้านแบบโบราณๆ มีกาแฟโบราณ และ กาแฟชงแบบเวียดนาม ใช้ถ้วยหยดกาแฟทีละหยด กาแฟใช้ได้เข้มและหอมดี ของเด่นอีกอย่างคือเค้กโอ่ง เป็นเค้กใส่ในแป้งเปลือกพายเป็นรูปโอ่ง เข้าใจคิดดี

ติดๆ กันเป็นร้านกาแฟทันสมัย ติดแอร์ ขายคัพเค้ก คนเยอะพอกัน

ร้านกาแฟอีกร้านชื่อ ดีคุ้นสท์ (d Kunst) อยู่แถวริมน้ำเช่นกัน ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ราชบุรี ชื่อแปลกๆ อย่างนี้เขาบอกมาจากภาษาเยอรมันแปลว่า ศิลปะ เพราะที่นี่เดิมเป็นบ้านไม้เก่า ของร้านทำโอ่ง เถ้าฮงไถ่ ลูกหลานมาดัดแปลง และได้ศิลปินหลายคนมาช่วย ทำผลิตภัณฑ์โอ่ง ถ้วยชามหน้าตา ดีไซน์แปลกๆ ออกมา จนกลายเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของราชบุรี ใครอยากได้ตุ๊กตาตัวโตๆ แจกันยักษ์ไปตั้งในสวนต้องมาหาที่นี่ โรงงานเขาออกไปตรงทางเข้าเมืองนิดเดียวเอง วัยรุ่นชอบไปตั้งท่าถ่ายรูป เพราะมีสนามลานศิลปะประหลาดดี กาแฟเขาใส่ในถ้วยแบบกินชา เลยไม่คุ้น และค่อนข้างอ่อน เหมาะสำหรับคอกาแฟอ่อนๆ

จากโค้ยกี่ มาตรงข้ามโรงแรมนำสิน มีร้านกาแฟโอ่งมังกร ผมได้ “น้องจี” จีพีเอสในรถช่วยนำทาง โดยไม่ต้องถามใคร แต่ถ้าเลี้ยวผิดน้องจีมักจะพาอ้อมบ่อยๆ ทั้งที่ตรงไปก็ถึงแล้ว ร้านนี้นึกว่าจะได้กินกาแฟในโอ่ง เขากลับเสิร์ฟในถ้วยแก้วปกติ เป็นกาแฟแบบไทยๆ รสเข้มมาก เหมาะกับการมานั่ง “ชิว ชิว” ในห้องแอร์ หรือนอกห้องแอร์ มีไวไฟให้เล่นอินเตอร์เนทฟรี ร้านกาแฟในราชบุรีมีอยู่เต็มเมือง ทุกร้านมีไวไฟให้เล่นฟรีหมด

อีกร้านหนึ่งชื่อ “สะภากาแฟ” เขาเขียนอย่างนี้ อยู่ถนนริมทางรถไฟ อันนี้ไม่ได้นั่ง แค่ผ่าน เห็นเป็นร้านกาแฟในสวน ร่มรื่นดี

เข้าไปในเมืองต้องไปกิน บะหมี่ก๋ำเช้ง แถวสถานีตำรวจ เส้นเขาทำเองไม่เหมือนใครกรุบๆ เด้งๆ ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ใครฟันไม่ดีเคี้ยวไม่ขาด แต่อร่อย ใส่กับน้ำหมูแดงหวานหั่นชิ้นหนาๆ สั่งบะหมี่เกี๊ยวได้ปูโรยหน้า สั่งพิเศษมีหมูสับก้อนโตลอยเป็นแพมาให้ข้างบนด้วย ร้านนี้ขายตั้งแต่เป็นรถเข็น ตั้งแต่ชามละ 1 บาท จนถึง 15 บาท เขาเอาหมูแดงไว้บนหลังคารถ จนคนตั้งชื่อให้ว่าหมูหลังคา ตอนนี้อยู่ในห้องแถว ขายชามละ 30 บาท พิเศษ 50 บาท เสาร์อาทิตย์มีบะหมี่เส้นใหญ่ อร่อยไปอีกแบบ เปิดตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสอง หาที่จอดรถแถวตลาดโค้ยกี่นั่นแหละครับ เดินเอา

อาหารเจ้าอื่นๆที่ขึ้นชื่อ ผมไปตระเวณกินมาหมด แต่ไม่ติดใจเลยขอข้าม ออกนอกเมืองเลยดีกว่า

มาราชบุรีต้องไปสวนผึ้ง ออกจากเมืองไป 60 กิโล ผมเคยไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ร้อนมาก มาตอนนี้ รีสอร์ทและสถานที่ท่องเที่ยวผุดขึ้นมา เขาบอกเหมือนที่ปาย หรือ วังน้ำเขียว หน้าเที่ยวเหมาะๆ ก็ปลายปีกับต้นปี อากาศเย็นกำลังดี

ทางไปแวะแห่งแรกคือ บ้านหอมเทียน เขามีเทียนเป็นถ้วย เทียนรูปแกะ และอีกหลายๆ เทียนแปลกๆ ค่าชม 25 บาท มีห้องแสดงศิลปะ ห้องเทียน ถ่ายรูปสวยครับ

ซีนนารี วินเทจ สวนผึ้ง

สถานท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแบบ คือไปเลี้ยงแกะ มีอยู่หลายแห่ง เจ้าใหญ่ชื่อ ซีนนารี่ วินเทจ ฟาร์ม ต้องไปเสียค่าหญ้าให้น้องแกะเพื่อจะถ่ายรูป แกะที่นี่เป็นพันธุ์ผสมระหว่าง ขน กับ เนื้อ เพื่อให้ทนอากาศร้อนบ้านเราได้ มีชื่อพันธุ์ว่า คาทาดิน อาหารคือ ใบปอกะสา กับหญ้าเนเปีย แกะเด็กๆ กินนม ที่นี่วิวสวย นั่งจิบกาแฟชมวิวเห็นฟาร์มแกะ และภูเขาลูกใหญ่ สบายอารมณ์ เสียแต่ตอนที่ไปแมลงหวี่กับแมลงวันเยอะจริงๆ จนมือไปเป็นสุขไปด้วย

รีสอร์ทอื่นๆ เขาก็มีเลี้ยงแกะ แล้วแต่คนแวะ ร้านกาแฟสวยๆ ถ่ายรูปเห็นหุบเขา แบบเดียวกับที่ปาย และวังน้ำเขียว

ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นอีกที่ที่ต้องแวะ แม้ว่าจะไม่สวยเท่าออนเซ็นของญี่ปุ่น เห็นแต่เด็กๆ เล่นน้ำอุ่นไม่ถึง 50 องศาเซลเซียส ในสระ เสียค่าลงสระด้วย ใครไม่อยากเสียตังค์เอาเท้าไปแช่น้ำที่ปลายสระได้ หรือเดินขึ้นไปดูต้นกำเนิดธารน้ำร้อนจากใต้ดิน ออกมาจากใต้หิน พอเอามือแหย่ๆ เล่นได้ ตรงนี้อุณหภูมิสูง 56 องศาเซลเซียส

ผมไปกินข้าวที่ครัวม่อนไข่ ตามหนังสือแนะนำ ใช้ได้ มียำผักกูด คือ เฟิร์นชนิดหนึ่งชอบขึ้นแถวน้ำตก ภาคใต้เยอะมาก แล้วก็ปีกไก่ทอดเกลือ ทอดได้เก่ง แห้ง กรอบนอก นุ่มใน ที่หน้าร้านมีเด็กนักเรียนทำตัวเป็นกระปี๋รถเมล์แจกตั๋วให้ไปชมสินค้าบนรถเมล์ชื่อแล่นฉิว มีเสื้อผ้า ผ้าขะม้าตัดเป็นกางเกง และของที่ระลึกต่างๆ ซื้ออุดหนุนเขาได้

แหล่งท่องเที่ยวในสวนผึ้งยังมีอีกหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ โป่งยุบคล้ายๆ แพะเมืองผี น้ำตกเก้าชั้น เขากระโจม แต่สมาชิกที่หนีน้ำมาด้วยกัน ลงความเห็นว่าไม่ไป เพราะกลัวแดด เดี๋ยวผิวเสีย และไม่มีของช้อปปิ้ง

อีกวันออกจากสวนผึ้งไปโพธาราม อ่านในหนังสือนำเที่ยว มีตลาดเก่าโพธาราม กับ ตลาดเจ็ดเสมียน ไม่ไกลจากตัวเมืองราชบุรี วิ่งแป๊บเดียวถึงแล้ว

ตลาดเจ็ดเสมียน

ผมวิ่งเลยตลาดเจ็ดเสมียนไปตลาดโพธารามก่อน กะไปหาข้าวกินตอนบ่าย ปรากฎว่าตลาดเขาติดเช้า กับมีนัดตอนเย็นเสาร์ อาทิตย์ บ่ายแผงยังไม่ได้ตั้งเลย เดินแล้วเหงา มีบ้านเรือนเก่าๆ น่าดู ถ่ายรูป เลยได้ไปซื้อ เต้าหู้ดำ แม่เล็ก ที่หลังตลาด ต้มเป็นหม้อใหญ่ 2 วัน 2 คืน เนื้อเต้าหู้เขานิ่ม หอมพะโล้ กินเล่นเปล่าๆ ก็อร่อย อมหวาน อมเค็ม รอบข้างยังมีอีกหลายแม่เต้าหู้ดำ เลือกซื้อกันตามสบาย

หาข้าวกิน มีคนแนะนำให้ไปกินร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด หยู่ไอ๋ ใกล้ๆ กับโรงหนังวิกครูทวี ซึ่งเป็นโรงหนังเก่า ปิดไปแล้ว เดินวนไปวนมาจนเจอ เสียดายไปสาย ก๋วยเตี๋ยวเป็ดหมด มีแต่ก๋วยเตี๋ยวหมู เส้นเล็กเหนียวนุ่มใช้ได้ บะหมี่ก็ดี คราวหน้าน้ำท่วมกรุงเทพค่อยมาใหม่

น้องจีพาย้อนกลับมาตลาดเจ็ดเสมียน โดยใช้เส้นทางเล็กๆ ผ่านหมู่บ้าน สวนสวย ไม่ต้องวิ่งออกเพชรเกษม ตลาดเจ็ดเสมียนขึ้นชื่อเรื่อง ไชโป๊ว มีแม่นั่นแม่นี่ หลายแม่ เห็นคนซื้อกันทุกแม่ โรงงานใหญ่ๆ ตั้งติดกัน จอดรถในวัดเจ็ดเสมียน ตลาดนี้เขามีตอนเช้า กับเย็นๆ เสาร์อาทิตย์ หลายคนผิดหวังนึกว่าจะได้เดินตลาดโบราณ จริงๆ มีแต่บ้านโบราณไม้ๆ กับนัดตลาดสด แต่ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของเดือน มีละครของภัทราวดีแสดงริมน้ำด้วย ข้าวของน่าจะมากกว่า เสียดายผมไปไม่พอดีกัน ของขึ้นชื่ออีกอย่างคือ เค้กมะพร้าวอ่อน แต่ผมไม่ได้ชิม อิ่มซะก่อน

ตลาดดำเนินสะดวก

ผมเก็บเล่าเรื่องตลาดดำเนินสะดวกไว้สุดท้าย ทั้งๆที่วิ่งไปถึงสองหน เพื่อไปกิน “ข้าวแห้ง” ที่จั่วหัวไว้นั่นแหละครับ

ตลาดดำเนินวันนี้มีฝรั่งเที่ยวมากกว่าคนไทย ไปล่องเรือพาย ถ่ายรูป กินขนมเบื้อง ผลไม้ ซื้อเสื้อดำเนิน ของที่ระลึก คนไทยมักจะไปนั่งริมตลิ่งกินก๋วยเตี๋ยว คนฝรั่งไม่ค่อยกล้ากิน เขามีก๊อกน้ำต่อไว้ริมตลิ่งให้แม่ค้าล้างจาน ไม่ต้องใช้น้ำคลองซึ่งค่อนข้างดำ

“ข้าวแห้ง” หลายคนคงรู้จัก คนไม่รู้จักขอบอกว่ามันคือ ข้าวสวยใส่หน้าไก่หรือเป็ดสับต้มเค็มจางๆ ครับ ถ้าเอาน้ำซุปใส่ก็กลายเป็นข้าวต้มเป็ด ข้าวต้มไก่

ข้าวแห้งแต่เดิมทีเป็นมายังไง ถามแม่ค้า พ่อค้า ก็ไม่รู้ เกิดมาพ่อแม่ก็ขายอย่างนี้แล้ว ที่สมุทรสงคราม และชลบุรีก็มีข้าวแห้ง มีคนสันนิษฐานว่า เดิมแม่ค้าขายข้าวต้มเป็ด โดยนึ่งข้าวสวย มาต้มกับน้ำซุป แบบร้านข้าวต้มปลา วันหนึ่งลูกค้าเบื่อข้าวต้ม เลยสั่งข้าวสวยราดเป็ดหั่น ใส่กึ๋น ใส่เลือด ตักน้ำต้มเค็มใส่ไปหน่อยนึง โรยตั้งฉ่ายแบบข้าวต้ม และกระเทียมเจียว มีพริกน้ำส้มให้ใส่ปรุงรส เออ…อร่อยแหะ เลยเป็นที่มาของข้าวแห้งตั้งแต่นั้นมา

แต่ละที่ทำข้าวแห้งคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน อย่างที่สมุทรสงครามเป็นข้าวแห้งเป็ด มีเนื้อเป็ดหั่น เลือดหั่น กึ๋นหั่น ใส่กระเทียมเจียว พริกน้ำส้ม มาที่ตลาดดำเนินเจ้าอร่อย พายเรือขายอยู่เจ้าเดียว ไปเมื่อไหร่ก็เจอ ขายข้าวแห้งไก่ พิเศษที่ใส่กุ้งแห้งทอดตัวโตรสไม่เค็ม กรอบๆ เข้ากันดีกับข้าวแห้ง และน้ำราดรสเข้มใช้ได้ เข้าคู่กับน้ำส้มพริกตำ

เดินเข้าไปด้านในตลาดดำเนิน มีตลาดเก่าชื่อเหล่าตั๊กลัก เป็นเรือนไม้โบราณริมน้ำ เจ้าหนึ่งขายผัดไทใส่กระทง ใส่น้ำปรุงรสชุ่มฉ่ำ และขายข้าวแห้งด้วย มีเครื่องเครามากกว่า ใส่ไส้หมูต้มเปื่อย หมูสับ ไก่หั่น เลือด เจ้านี้ใส่ปาท่องโก๋ตัวเล็กทอดกรอบแทนกุ้งแห้งทอดกรอบ

ตลาดน้ำบางนกแขวก

ออกจากตลาดดำเนินไปตลาดโบราณบางนกแขวกใกล้ๆ กัน อยู่ริมน้ำ นั่งรับลมเย็นสบาย มีหมี่กรอบ ผัดไทยกุ้งใหญ่ กระทงทอง และข้าวแห้ง ของที่นี่มีเครื่องหลายอย่าง

ในเมืองราชบุรี ก็มีข้าวแห้ง ทีนี้เพิ่ม ข้าวแห้งทะเล โดยลวกกุ้ง ปลา ปลาหมึก ไว้ และข้าวแห้งซี่โครงหมู ตีนไก่ ข้าวแห้งใส่หมูสับ กระเพาะหมู พวกต้มเปื่อยนี้ เอามาต้มกับน้ำ ใส่เกลือนิดหน่อย หรือน้ำซุปให้เปื่อย กระเพาะหมูหั่นเป็นชิ้นเล็ก ซี่โครงสับเป็นท่อน หมูสับลวกใส่น้ำซุปไว้ ตีนไก่ต้มเปื่อย เมื่อคนสั่ง ก็คีบอย่างโน้นอย่างนี้ใส่ตามใจคนสั่ง ราดด้วยไก่หั่นกับน้ำต้มเค็ม ใครอยากกินข้าวต้ม ก็ตักข้าวสวยนั้นไปต้มกับน้ำหรือน้ำซุป แล้วตักน้ำต้มเค็มกับไก่ใส่เป็นข้าวต้มไก่

การทำต้มเค็มใสๆ ไม่ใช่เรื่องยาก จะต้มเป็ดหรือไก่ก็ได้

ข้าวแห้ง

ข้าวแห้งไก่ หรือ เป็ด

เนื้อไก่ติดหนัง หรือ เนื้อเป็ดติดหนังหั่นเป็นชิ้นเล็ก

กึ๋นไก่ หรือกึ๋นเป็ด หั่นชิ้นเล็ก

ตีนไก่

เลือดไก่หั่นชิ้นเล็ก

น้ำมันพืช

ข่าหั่นละเอียดสักเล็กน้อย กรณีใช้เป็ด กันเหม็นเป็ด

ซีอิ๊วขาว

ซีอิ๊วดำหวาน

ซีอิ๊วดำเค็ม

น้ำตาลปี๊บ หรือ น้ำตาลทราย

ก้านอบเชย 1-2 ก้าน

โป๊ยกั๊ก 2-3 ดอก

รากผักชี 2-3 ราก

ตังฉ่ายดีๆ

กระเทียมเจียว

กุ้งแห้งตัวโตๆ ทอดกรอบ (หาแบบไม่เค็ม ไม่แดง)

น้ำส้มพริกตำ ( เอาพริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าแดง มาตำกับกระเทียมให้ละเอียด แล้วใส่น้ำส้มสายชู)

ข้าวหุงสวย

เอาไก่หั่น กึ๋นหั่น ลงกระทะผัดกับน้ำมัน ใส่ข่าลงไปผัดให้หอมด้วยก็ได้ ให้ไก่ตึงตัว จะได้ต้มไม่แหลก แล้วใส่ซีอิ๊วดำหวานลงไปผัดให้จับไก่ เติมน้ำลงไปให้ท่วม ใส่ก้านอบเชย โป๊ยกั๊ก รากผักชี ต้มเดือดรุมๆ ใส่เลือดไก่ ต้มจนไก่กับกึ๋นเปื่อย ถ้าใส่ตีนไก่ควรต้มแยก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล ซีอิ๊วดำเค็ม ปรุงรสให้เข้ม และหอมเข้าไว้ เพราะต้องใช้ราดข้าว น้ำแห้งเติมน้ำได้

เมื่อได้ที่ตักข้าวใส่ถ้วย ตักเนื้อไก่ ตีนไก่ เลือดไก่ ราดข้าว ใส่น้ำต้มเค็มลงไปด้วยเล็กน้อย โรยตังฉ่าย กระเทียมเจียว กุ้งแห้งทอดกรอบ กินคู่กับพริกน้ำส้ม

แค่นี้ล่ะครับ ข้าวแห้ง อร่อยไม่อร่อย อยู่ที่น้ำต้ม กับ พริกน้ำส้มครับ

หนีน้ำเที่ยวนี้ อยู่ได้ก็เพราะข้าวแห้งนี่ล่ะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น